TOKYO TRIP in one day 29/7/2012

ห้าสถานที่เที่ยวในหนึ่งวัน งานWonderFestival,Odaiba,Tokyo tower,Akihabara,Tokyo sky tree

       รถบัสไปกลับโอซาก้า-โตเกียวคนละประมาณหมื่นหกพันเยน จองก่อนขึ้นสามวัน  ที่นั่งในรถบัสแถวนึงมีแค่สามที่นั่ง ไม่มีที่นั่งติดกัน มีทางเดินขั้นแต่ละที่นั่ง ลุกออกสะดวก ออกจากโอซาก้าสามทุ่มของวันที่28 มาถึงโตเกียวที่อกิบะเช้ามืดตี4เกือบตี5 ของวันที่29 (สังเกตว่าในภาพจะสว่างแล้ว ปกติที่ญี่ปุ่นตี4ก็สว่างกันแล้วครับ)เป็นคนหลับยาก นั่งมาทั้งคืนนอนไม่หลับเลย หลังจากนั่งเบื่อๆมาก็ไปนั่งรถไฟต่อ ไม่รู้ว่าเที่ยวแรกรึป่าว มีคนนั่งรอรถไฟออกกันเต็มขบวนทั้งทีเป็นสถานีต้นทาง คิดในใจเช้าขนาดนี้คนก็ยังเยอะ  สงสัยคงปกติของเมืองนี้ ขึ้นชื่อมีคนเยอะสุดในโลก นั่งไปก็เห็นแต่คนขึ้นมาซะส่วนใหญ่ ไม่ค่อยเห็นมีใครลง ผ่านไปสี่สิบนาที พอถึงสถานีที่งานwonder festival  สรุปที่นั่งมากันทั้งขบวนลงสถานีนี้หมด ลงเสร็จมีวิ่งกรูกันออกไปด้วย อะไรของมัน งานเปิดสิบโมง จะรีบกันไปไหน (ผมมาเช้าเพราะเลือกไม่ได้ไม่มีที่จะอยู่)

สำหรับใครที่ยังไม่รู้จักงานนี้ อธิบายให้ฟังคร่าวๆครับ งาน wonder festival  เป็นงานใหญ่ที่สุดเกี่ยวกับฟิกเกอร์โมเดล แต่ละปีก็จะจัดหน้าหนาวทีหน้าร้อนที จัดขึ้นที่Makuhari Messe เมือง Chiba (เป็นที่จัดงานคล้ายๆพวกเมืองทอง,ไบเทค) งานใหญ่มาก จัดกันแปดฮอลล์ในงานมีโมเดลขายทั้งแบบยี่ห้อดังๆขายตัวพิเศษบ้าง ราคาพิเศษบ้าง และก็แบบปั้นหล่อขายเองก็มี ฟิกเกอร์โนเนม ฟิกเกอร์อินดี้มีหมด นอกจากนี้ก็จะมีพริตตี้มาแต่งชุดcosplay ให้ถ่ายรูปกันอีก


บัตรเข้างานจะเป็นหนังสือไกด์บุ๊กราคาเล่มละ2000เยน เล่มหนาพอๆนิตยสาร ทั้งเล่มไม่ค่อยมีอะไรมากแค่แผนผังงานกับโฆษณาของแต่ละร้านทั้งงานรวมๆ300กว่าหน้า


 ผมมาถึงงานประมาณหกโมงกว่าๆทั้งๆที่งานเริ่มสิบโมง ตอนแรกคิดว่าคงได้มาเป็นพวกแรกๆ หลังโชว์หนังสือซึ่งเป็นบัตรเข้างานก็พบกับทางเดินเข้างานที่ยาวมาก เริ่มงง มันไกลไปป่าว ต้องอ้อมฮอล์หนึ่งรอบ พอถึงคิวแทบช๊อก คนโคตรเยอะ เกินพันคนได้ เยอะไม่เยอะลองดูภาพที่ผมอธิบายเป็นผังเองละกันครับ ถึงกับต้องอุธานเสียงหลงว่ามัน สวดยอดแค่ไหน สงสัยในใจงานนี้มันมีดีอะไร












ภาพคิวหน้าผมและคิวหลังผม แค่มุมฮอลล์ก็สุดลูกตาแล้ว นั่งรอถึงแปดโมง แดดมา เหงื่อท่วมตัว เหมือนพาแฟนมาลำบาก

เก้าโมงคนล้นทางเข้า มันไม่ยอมให้นั่งละ ให้ยืนชิดๆกันจะได้ประหยัดพื้นที่ ขณะที่ยืนตากแดดเป็นชั่วโมงในหัวก็ฟุ้นซานว่า เรามาทำอะไรวะเนี่ย บวกกับที่เมื่อคืนไม่ได้หลับ ทำให้รู้สึกอยากขออนุญาตเป็นลมหลับไม่รู้เรื่องรู้ราวไปเลย ส่วนพวกคนข้างๆผม ผมไม่อยากจะวิจารณ์อะไรมากครับ เหมือนชาตินี้มันไม่มีอะไรทำแล้ว ตอนแรกคิดว่าจะเหมือนๆกันกับผมชอบการ์ตูนโมเดลเหมือนศิลปะ เจอโอตาคุของจริงเข้าให้  พูดไม่ออกเลยครับ บ้าหนักกว่าที่เคยเจอมาเยอะ ในไทยไม่มีแน่นอน และแล้วสิบโมงก็มาถึง เข้างานไปแย่งซื้ออะไรกับเขาไม่ทันสักอย่าง เพราะผมไม่ได้เจาะจงเตรียมจะมาซื้ออะไรอยู่แล้ว พอจะหาซื้ออันสวยๆ หมดเกลี้ยงไม่เหลือให้เลย












































ฮอลล์สี่ห้าหก หนึ่งในสามของงาน



























































ในใจอยากถ่ายรูปให้เพื่อนดูให้ทั่วหมดทั้งงาน แต่ถ่ายไม่ไหวแล้วจริงๆ เยอะแยะมาก แค่จะถ่ายรูปคนแต่งชุดcosplayก็ต้องต่อคิวครับ ยอมรับเลยครับว่าคนที่นี้มีวินัยสูงมากครับ ถ้าเห็นคนแซงคิวส่วนใหญ่บอกได้เลยครับว่าจะเป็นคนต่างชาติ




เดินถ่ายรูปอยู่ประมาณสี่ชั่วโมงได้ ก็ยังเดินดูไม่ทั่วงาน ไม่คิดมาก่อนเลยว่าคนอย่างผมก็พอเป็น แค่นี้ก็อิ่มตาจุใจจนจุกจะแย่แล้ว บ่ายสองโมงออกจากงานไปงานonepiece ที่odaibaต่อ ร่างกายมันล้าสุดๆ


ก่อนหน้านี้เคยมาถ่ายรูปgundamที่นี้แล้วตอนปี2009  คิดว่ามันคงไม่อยู่แล้วเห็นว่าย้ายไปแสดงหลายที่ แต่ที่มาอีกเพราะอาทิตย์ก่อนเห็นข่าวในทีวีว่ามีนางเงือกวันพีชยักษ์ เลยตัดสินใจจะมาเที่ยวโตเกียวเลย ก่อนจะรู้ว่ามีงานwonder festivalซะอีก


โดนบัตรเข้างานอีกคนละ1500เยน ที่เห็นไม่มีคนแบบนี้เพราะเข้าทางหลังงาน บัตรเข้างานเป็นสมุดห้อยคอ ด้านในมีหน้าให้เล่นสะสมตราปั้มเวลาไปเจอตัวละครวันพีช




พึ่งมารู้ตัวว่าลืมถ่ายโรบินอีกคน แต่ไม่เป็นไร อย่างน้อยๆก็ยังมีติดมา หลังลูฟี่ทางขวาไกลๆนู้น



พอเดินมาหน้างาน คนไม่รู้มากจากไหนกันอีก งานนี้คนเยอะอีกแล้ว


กลับมาเจอกันอีกครั้ง ไม่นึกว่ามันจะย้ายกลับมา แต่ก็ไม่ได้ตั้งที่เดิมคร่าวนี้มายืนเล่นอยู่หลังห้าง ในญี่ปุ่นห้างใหญ่แบบบ้านเราไม่ค่อยมี ที่นี้พึ่งเคยเห็นเป็นที่แรก



 หลังจากนั้นแวะไปถ่ายรูปต่อที่โตเกียวทาวเวอร์


เดินจมกองเหงื่อตัวเองมาทั้งวัน ขึ้นไปบนหอไม่ไหวล่ะ ตัดสินใจไปซื้อเสื้อผ้าใหม่ในห้างหาที่อาบน้ำที่อากิบะเลยดีกว่า


เดินสงสัยกันอยู่ว่ามันจะไปมีที่ที่ให้แค่อาบน้ำได้ไง และพอมองป้ายโฆษณาร้านนึง เฮ้ยมีด้วย อาบน้ำครึ่งชั่วโมงห้าร้อยเยน มีผ้าเช็ดตัวให้ เป็นตู้ยอดเหรียญขายบัตรเหมือนพวกร้านข้าวเลย แปลงใจจริงๆ แบบนี้ก็มี


หลังจากอาบน้ำเสร็จเหมือนได้เกิดใหม่ กินข้าวเย็นที่อากิบะ คราวนี้ไม่ค่อยได้เดินเล่นเลยไม่ได้ถ่ายรูปมา ไว้ทริปหน้าถ้ามีจะจัดมาเต็มแน่นอน กินเสร็จนั่งรถไฟไปต่อที่โตเกียวสกายทรี พึ่งสร้างเสร็จไม่กี่เดือนที่ผ่านมา


ดูเหมือนจะเตีย แต่จริงๆสูงกว่าโตเกียวทาวด์เวอร์สองเท่า


มีร้านGhibliด้วย




บัตรเข้าสกายทรีอีกคนละสองพัน บัตรแต่ละงานแพงกันจริงๆที่ผ่านมาวันนี้ค่าบัตรสองคนรวมกันหมดเป็นหมื่นแล้ว

สองพันยังขึ้นไปได้แค่ครึ่งเดียว ขึ้นไปอีกเีสียอีกคนละพันเยน






สี่ทุ่มกลับมาที่อากิบะ รอรถบัสกลับโอซาก้า


ที่ญีปุ่นใช้ตราประทับแทนลายเซ็นซะส่วนใหญ่ ตามสถานที่ท่องเทียวต่างๆจึงนิยมมีตราประทับเป็นลายเอกลักษณ์ให้มาปั้มเล่นสะสมกัน ที่เห็นอยู่นี่เป็นลายตราประทับของแต่ละสถานี น่าจะแค่ในโตเกียว และอันที่วางอยู่ตรงหน้าเป็นของอากิบะ


เงินหมดไปเยอะ มาดูกันว่าได้อะไรติดไม้ติดมือมาบ้าง


ถุงกระดาษ(ใหญ่เท่ากระเดินทาง)แจกฟรีซึ่งใส่มาทั้งเสื้อผ้ารองเท้าที่ซื้อเปลี่ยนและโบชัวเต็มไปหมดและพัดหนึ่งอัน

bearbrick อาสึกะ ที่ขายเฉพาะในงาน นอกจากนั้นคงเป็นรูปภาพที่ถ่ายมาทั้งหมดที่ดูจะคุ้มค่ากับการต่อคิวหฤโหดเข้างานมากที่สุด




หนังสือพิมพ์แจกฟรีงานที่โอไดบะ ปกโฆษณาประเทศลงคัดเลือกจัดงานโอลิปิกอีกแปดปีข้างหน้า จะรีบโฆษณาไปไหน กลัวคนไม่รู้กันครบทั้งโลกเหรอตอนนั้นผมคงสามสิบกว่าแล้ว ทำให้อดคิดไม่ได้ว่าจะเป็นยังไงทุกวันนี้ยังเที่ยวลืมดูเงินอยู่เลย

 

โตเกียวทริปนี้ จริงๆยังเที่ยวไม่ครบ แผนตอนแรกจะไปชิจุกุ ชิบุยา และก็พิพิธภัตร์Ghibli แต่บัตร Ghibli เต็มไปถึงเดือนหน้า ถ้ามีโอกาสได้ไปอีก ผมก็อยากจะเขียนอีก อย่างน้อยก็ไว้กลับมาอ่านเอง  เอาเป็นว่าทริปนี้จบแล้วครับ