Fushimi castle

  เราวางแผนว่าจะมาเกียวโตช่วงที่มีหิมะ แต่ก็มีเหตุให้เปลี่ยนวันเดินทางเร็วขึ้น จากที่คิดว่าจะได้ถ่ายรูปวัดต่างๆท่ามกลางกองหิมะ กลับได้เจอกับต้นไม้ไม่มีใบและหมอกไร้เมฆ




 Sanjusangendo


    เหตุที่เราเปลี่ยนวันในการมาครั้งนี้ก็เพราะว่าบังเอิญไปเจอรูปงานถ่ายจากยิงธนู โอมะโตะ ไทไก พอสนใจก็เลยลองหาข้อมูลดูปรากฎว่าจัดขึ้นในวัด sanjusangendo เกียวโต ซึ่งเป็นวัดที่อยากไปอยู่พอดี พอมาดูต่อว่าเขาจัดกันวันไหน อ่าว จะจัดในอีกไม่กี่วันข้างหน้าแล้วนิ งั้นไปเลย

     ภายในวิหารประดิษฐานพระโพธิสัตว์พันกร 1000 รูป เรียงกันยาวเป็นร้อยเมตร หลังวิหารเป็นที่แข่งยิงธนูตั้งแต่เมื่อสี่ร้อยปีที่แล้ว เมื่อก่อนนักธนูยิงกันสุดวิหาร 120 เมตร ปัจจุบันแค่ 60 เมตรดูแล้วยังยากเลย การเข้าร่วมแข่งขันเฉพาะผู้ทีจะอายุ 20 ปีในปีนั้นๆ ซึ่งช่วงที่จัดก็ใกล้ๆกับวันบรรลุนิติภาวะสำหรับคนที่จะอายุครบ 20 เช่นกัน ปกติต้องเสียค่าเข้าไปดูในวิหารคนละ 600 แต่ในวันเดียวกันนี้มีอีกงานนึงในวัด เลยเปิดให้เข้าฟรี บรรยากาศข้างในขลังมาก ภายในวิหารไม่อนุญาติให้ถ่ายรูป ภาพที่เอามาลงเป็นภาพจากโปสการ์ดที่ซื้อมา





Kiyomizu





Heian Jingu Shrine


เมืองเกียวโตศาลเจ้ามีเยอะมาก แยกไม่ออกว่าแต่ละที่มันต่างกันยังไงแต่ศาสนาชินโตมีการนับถือหลากหลาย 




Nijo castle


    อย่างแรกคือที่นี่ตัวปราสาทไม่มี มีแต่พระราชวังกับป้อมปราสาท อย่างที่สองคือข้างในห้ามถ่ายรูป แล้วจะถ่ายอะไรดี ห้ามถ่ายรูปแล้วยังยึดขาตั้งกล้องอีก แต่ว่ากล้องให้เอาเข้าไปได้ เอ๊ะยังไงเนี่ย มีเขียนอีกว่าห้ามสเก็ตภาพด้วย ข้างในมันมีดีอะไรหนอ พอเข้าไปมืด แถมภาพเขียนผนังอยู่ห่างด้วย ไม่มีแสงไฟอีกสงสัยกลัวภาพเสียเลยยิ่งมองไม่ค่อยเห็น ตอนแรกนึกว่าจะใช้เวลานาน เผื่อไว้ซะเยอะเลย พอเอาเข้าจริงด้านในมีชั้นเดียวกว้างๆเป็นห้องโล่งๆสิบกว่าห้อง เดินตามกันเป็นแถวเข้าไป แป๊ปเดียวเท่านั้น พื้นไม้ในพระราชวังเวลาเดินทีก็จะมีเสียงเป็นการออกแบบที่พื้นไว้ตั้งแต่สมัยก่อน เพื่อให้รู้เวลามีใครเข้ามา






Kinkakuji


    ใครมาเกียวโตก็ต้องมาวัดทอง คงเพราะมันแปลกตรงที่มันสีทองนี่แหละมั้ง อีกที่นึงทรงเดียวกันเลยคนละฟากตัวเมืองคือวัดเงิน แต่สีไม่ยักกะใช่สีเงินเลยไม่บูมเท่า 

    ไปเมืองอื่นส่วนใหญ่ใช้รถไฟ แต่เกียวโตรถไฟไปไม่ค่อยถึงต้องใช้รถเมล์ ก็ยังสะดวกเหมือนกัน ไม่ได้เริดหรูอะไรไปมากกว่าที่บ้านเราแต่รักษาความสะอาดจนน่าใช้ และก็ไม่จำเป็นต้องมีกระเป๋ารถ นั่งคันไหนๆก็แบบนี้หมดดูไม่ออกว่าเก่าไม่เก่าแค่ไหน


Fushimi Inarai Taisha















 

Kyoto tower

    ทาวเวอร์อยู่หน้าสถานีเกียวโตเลย ใต้สถานีเป็นศูนย์รวมร้านค้าเช่นกัน ที่ติดใจคือ Negitoro Don ร้านใต้สถานีไปแถวนั้นทีก็กินที จริงๆที่ไหนก็มี เป็นข้าวเนื้อปลาสับกับไข่แดงไม่สุก คนไทยไม่ค่อยกินกันเพราะมันดูดิบๆเย็นๆ 




     เราใช้บัตรรถไฟ JR ที่เหลือจากการไปนาโกยะ เป็นบัตรแบบใช้ได้เฉพาะช่วงปีใหม่ วันไหนก็ได้5วัน ต่อ1คน ไปกลับที่ไหนกี่รอบก็ได้ หรือจะใช้แทน5คน ในหนึ่งวันก็ได้ ตอนอยู่นาโกยะใช้ไปสองวัน สองคน รวมเป็น4ครั้ง เหลือแค่1คน1วัน คราวนี้เพื่อให้คุ้มที่สุด เราลองใช้วิธีซื้อบัตรที่ถูกสุดเพื่อเข้าสถานีแล้วก็นั่งยาวข้ามเมืองพอตอนลงลงสถานีก่อนถึง ให้อีกคนใช้บัตรวันผ่านออกไปซื้อบัตรจากสถานีก่อนถึงไปลงสถานีปลายทางเรา ผลก็คือมันใช้ได้แฮะ ก็แล้วแต่จะมองกันอย่างไร แต่ไม่มีเจตนาโกงอะไรใครเพียงแต่มองว่าบัตรยังใช้ไม่คุ้มราคาเหมาจ่ายต่อวันเลย