โกเบอยู่ใกล้ๆกับโอซาก้า นั่งรถไฟชิวๆไม่ถึงชั่วโมงเอง ทริปนี้ตอนแรกตั้งใจจะไปดูพิพิธภัณฑ์หลอดไฟกับภาพวาด Girl with a pearl earring เพราะได้บัตรลดมาด้วย แต่ก็ไม่ได้ไปตามแผนเพราะเวลามาเดินเที่ยวจริงๆทีไร มันมีอะไรต่อมิอะไรให้ดูมากกว่าที่หาอ่านในเน็ต

     อีกเหตุผลนึงคือกระดาษกำหนดการเที่ยวของเราปลิวตกสะพานขณะพึ่งจะไปเที่ยวที่ที่สอง และมันก็ไม่ใช่สะพานเล็กๆที่เดินลงไปเก็บได้ซะด้วย ก็เลยทำให้เราเดินกันเรื่อยเปื่อยเจอไรก็แวะดูไปตามทางแบบไม่มีกำหนดการใดๆ กลายเป็นการเดินทางแบบ improviseไปเลย

    จุดหมายแรกที่เรานั่งรถไฟไปคือเมืองTakarazuka ไม่ไกลจากสถานีมีพิพิธภัณฑ์เจ้าหนูอะตอมอยู่ ระหว่างทางเดินไปเกิดขี้สงสัยขึ้นมาอีกแล้ว เหตุไฉนแหล่งท่องเที่ยวที่ลงทุนสร้างซะสวยขนาดนี้ถึงได้ร้างผู้คนยิ่งนัก อาจเป็นเมืองห่างไกล?หรือมันยังเช้าอยู่มั้ง เพราะอะไรก็ยังไม่แน่ใจ แต่ร้างแบบนี้น่าเสียดายจัง รูปทรงตึกเป็นสไตล์ยุโรปหลงเหลือร้านค้าอยู่ไม่กี่ร้านที่ยังเปิด มีโรงละครอยู่ใกล้ๆ เห็นโปสเตอร์แต่ละเรื่องแต่งชุดกันแบบเจ้าหญิง คุณชาย เหมือนในการ์ตูนตาหวาน ไม่คิดมาก่อนว่ามันจะมีจริงจังกันเป็นละครเวที เลยคิดว่าคงสร้างสถานที่รอบๆให้ได้บรรยากาศเหมือนโลกการ์ตูนกุหลาบขาวแวร์ซายน์อะไรทำนองนั้น



เดินมาประมาณ10นาทีก็ถึง The Osamu Tezuka Manga Museum     

      Osamu tezuka ถูกยกย่องให้เป็นจ้าวแห่งนักวาดการ์ตูน วาดเจ้าหนูอะตอมตั้งแต่สมัยปี1952 อีกเรื่องที่รู้จักก็ black jack หมอปีศาจ ที่นี่เป็นพิพิธภัณฑ์เล็กๆส่วนใหญ่ให้ถ่ายรูปได้ ช่วงที่มา มีจัดแสดงโคกับนักวาดการ์ตูนหุ่นยนต์ Mazinger Z จะว่าไปมันก็ดูโบราณไปแล้วจริงๆ แต่ก็ได้มาเห็นยุคแรกๆของการ์ตูนหุ่นยนต์



จากนั้นเดินทางมาที่ Nagata มีหุ่นเหล็กเบอร์28 สร้างไว้เมื่อปี2009นี่เอง(ปีเดียวกันกับที่สร้างหุ่นgundamที่โอไดบะ) หุ่นเหล็กเบอร์28 ถือเป็นการ์ตูนหุ่นยนต์ยักษ์เรื่องแรก วาดโดย Yasuhiro Imagawa ในปี 1956 นี่ก็เก่ากว่าที่คิดอีก












    ใกล้ๆกันมีพิพิธภัณฑ์การ์ตูนสามก๊ก ด้านในมีฉากไดโอรามายาว13เมตร หลังออกจากพิพิธภัณฑ์ไม่ทันได้ดูแผนที่ที่เขาแจกมาให้ เห็นมีทางลงต่อกับรถไฟใต้ดินได้ เลยลงไปเลยไม่รู้ว่ามีรูปปั้นสามก๊กกระจายอยู่รอบๆ ตอนนั้นก็ยังงงว่าของที่ระลึกมีขายแค่แผงเล็กๆแค่นี้เองเหรอ จริงๆร้านขายของที่ระลึกมันดันสร้างไว้คนละที่กัน อดดูเลยซะงั้น


ด้านขวาเป็นภาพจากกล้องเพื่อนเห็นว่าสวยกว่าที่ตัวเองถ่ายเลยขอมาลง


บางทีเรามักจะเจออะไรที่ไม่ได้คาดคิดไว้อย่างเช่นกองทัพซานต้า ไม่รู้เหมือนกันว่าจะไปแจกของขวัญกันที่ไหน(ภาพล่างนี้ก็กล้องเพื่อนโหมดart)


 

Harborland & Meriken park

  ช่วงบ่าย ไปย่านท่องเที่ยวริมท่า แถบนี้มีหลายห้าง มีสวน mosaic garden เป็นเหมือนสวนสนุกขนาดย่อมติดๆกันกับห้าง mosaic ตกแต่งสไตล์country เดินไปเดินมาเจอตัวAIROUเหมือนแมวตาโต ทำเนื้อที่ถืออยู่ตกแล้วก้มตัวเก็บไม่ได้ ไม่รู้ว่าคนข้างในชุดจะอยู่ในท่าไหนเพราะแขนขาสั้นมาก

  เห็นว่าโกเบเป็นแหล่งกำเนิดเพลงjazzของญี่ปุ่น เขาเลยถือว่าเป็นเมืองดนตรีด้วย ก็เลยมีรูปปั้นElvisราชาเพลงร็อค งงมั้ยล่ะ สร้างไว้ตั้งแต่ปี1987 10ปีหลังจากการเสียชีวิตของElvis เดิมเป็นของร้านlove me tender ที่Harajuku Tokyo พึ่งถูกย้ายมาที่ Harborland ปี 2009 ทำให้ที่นี้กลายเป็นสถานที่จัดงานรำลึกElvisด้วย




Harborland กับ Meriken park จะอยู่คนละฟากของท่าเรือกัน ถ้ามองจากฟาก Harborland ก็จะเห็น kobe tower กับ Maritime museum ถัดมาทางขวาหน่อยมี Meriken park hotel ประกบด้วยเรือสำราญจอดอยู่สองข้างตึก




Maritime museum & KAWASAKI GOOD TIMES WORLD 

     เราเดินมาฟาก Meriken park มีพิพิธภัณฑ์เรือเดินทะเล ตอนแรกมองไม่ออกว่ามันเป็นพิพิธภัณฑ์อะไร แต่พอได้เดินดูรอบๆแล้วถึงได้รู้ว่าเป็นพิพิธภัณฑ์เกี่ยวกับประวัติศาสตร์เรือทั่วโลก แบบนี้ใช่เลยตัดสินใจเข้าไปดูทันที ข้างในจะมีโมเดลเรือเต็มไปหมดเลยในส่วนนี้ไม่อนุญาติให้ถ่ายรูป แต่นอกตึกก็มีเรือจริงๆให้เราชมอยู่นิดหน่อย


      ภาพบนเป็นเรือ Yamamoto1 ความพิเศษของเรือนี้คือไม่มีปั้มน้ำกับใบพัด อย่าพึ่งคิดว่าเป็นเรือแจวนะ เป็นเรือลำแรกของโลกที่ใช้แรงแม่เหล็กไฟฟ้าในการพลักดันน้ำ จากความรู้ในด้านวิศวกรรมที่มีอยู่ยืนดูวีดีทัศน์ฟังมันอธิบายอยู่นานพอสมควร ก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดีว่ามันทำงานยังไงของมัน เอาเป็นว่าเดินไปดูลำต่อไปดีกว่า (ภาพทางขวา) เป็นเรือไม้เรือจำลอง Santa Maria ของโคลัมบัส สร้างขึ้นที่ประเทศสเปนปี1991 เพื่อฉลองครบรอบ500ปีการเดินเรือรอบโลกของโคลัมบัส 

 


ส่วนลำซ้ายนี้เป็นเรือ Hayate (Blast of Wind) เรือความเร็วสูงระบบ Gas turbine driven และเป็นเรือแบบ Hydrofoil navigation คือมีปีกลู่น้ำอยู่ใต้ท้องเรือเพื่อลดแรงต้านทานน้ำกับท้องเรืออะไรประมาณนั้น (เกิดมาก็พึ่งรู้จักตอนนี้แหละ) 




 

อีกครึ่งนึงของอาคารเป็นส่วนที่ถ่ายรูปได้เป็นพิพิธภัณฑ์ KAWASAKI ที่รู้จักกันดีว่ามันคือยี่ห้อมอเตอร์ไซค์






















 ก็พึ่งจะรู้ว่า KAWASAKI ไม่ได้มีแค่มอเตอร์ไซค์อย่างเดียว 

 

เครื่องรถไฟชินคันเซนหลายรุ่นก็เป็นเทคโนโลยีของ KAWASAKI 



    เครื่องด้านขวานี้ส่วนตัวแล้วสนใจเป็นพิเศษเพราะมักมีปัญหากับการหายใจตอนนอน มันคือเครื่อง Oxygen Capsule เอาไว้ให้อากาศบริสุทธิ์กับร่างกายเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพให้กับนักกีฬา "หากได้นอนในเครื่องนี้เพียงหนึ่งชั่วโมงต่อวัน ร่างกายที่เหนื่อยล้าหรือมีโรคภัยไข้เจ็บจะฟื้นฟูอย่างรวดเร็วและช่วยบรรเทาความเครียดต่างๆ ทำให้สมองปล่องโปรง" ราคาเพียงสามล้านกว่าเยนเอง สรรพคุณมันไสยศาสตร์ชัดๆ จะเชื่อมันดีมั้ยเนี่ย

   

  ถัดมาเจอหุ่นยนต์ เริ่มจากตอนแรกยังไม่มีแขนทั้งสองข้าง มีแขนกลอีกตัวโชว์ความแม่นยำทำการต่อแขนให้หุ่นยนต์ตัวนี้


 

                                                                                           รอดูตั้งนานนึกว่ามันจะทำอะไร ทีแท้มาโชว์เล่นตลก



  

   หุ่นยนต์แขนกลแบบ Delta robot เท่าที่รู้แบบนี้มันก็มีหลายยี่ห้อนะ สามารถเรียงวัตถุผิวเรียบน้ำหนักเบาอย่างรวดเร็วแม่นยำ สังเกตตอนหยิบชิ้นสีขาวมันใช้วิธีดูดผิวหน้าแล้วยกชิ้นสีขาวขึ้นมาเลย 

 KAWASAKIไม่ได้มีเพียงแค่นี้ ยังผลิตรถตักดิน เรือบรรทุสินค้า เฮลิคอปเตอร์ เครื่องยนต์เจ็ทจนไปถึงจรวดอวกาศเลยทีเดียว












KOBE PORT TOWER

   สร้างตั้งแต่ปี1963 แต่ยังดูทันสมัยกว่าทาวเวอร์อื่นๆที่สร้างในยุคเดียวกันแฮะ


  เห็นมีcafeให้นั่งข้างบนด้วย โต๊ะกับพื้นมันหมุนรอบทาวเวอร์ 360°ให้เห็นวิวกันครบทุกด้าน ก็ดีจะได้ไม่ต้องแย่งที่นั่งเลือกทำเลกัน



หลังเดินเล่นแถวท่าเรืออยู่นาน แสงอาทิตย์ก็ลับตาบ่งบอกถึงเวลาเดินทางไปดูงานใหญ่ค่ำคืนนี้


 ระหว่างทางผ่านย่านchina townพอดีเลยแวะหาอะไรกิน แต่ถังขยะประเทศนี้มันหายากจริงๆทิ้งมั่วก็ไม่ได้ต้องแยกประเภททุกครั้ง


KOBE Luminarie


 มาถึงงานแสดงการตกแต่งหลอดไฟ วันที่ไปจำนวนคนก็สี่แสนแปดเอง จิ๊บๆ ต่อแถวเดินเข้างานยาว1.9กิโล แถมการประกาศห้ามเดินคุยกันอีก เอาจริงๆเข้าก็ไม่ได้เงียบกันขนาดนั้นหรอก แต่ก็ไม่มีใครส่งเสียงรบกวนกัน

 

    ประวัติของงานนี้จริงๆแล้วตอนแรกจะจัดขึ้นที่โตเกียวเป็นการแค่นิทรรศการตกแต่งหลอดไฟจากอิตาลีแต่เมื่อเกิดเหตุแผ่นดินไหวครั้งใหญ่วันที่17เดือนมกราคมปี1995 เพื่อเป็นกำลังใจให้กับชาวเมืองโกเบจึงมาจัดที่โกเบแทน นับแต่นั้นมาทุกๆปีช่วงเดือนธันวาคมก็จะจัดงานนี้ขึ้นเพื่อรำลึกถึงเหตุแผ่นดินไหวด้วย มีผู้เข้าชมเฉลี่ยปีละ3ล้านคนเลยทีเดียว




Felissimo Happy Toys Project

ก่อนกลับเดินย้อนทางเข้างานแวะไปดูบูท Felissimo เพราะระหว่างทางที่เดินเข้าแถวงานLuminarieอยู่ เหลือบไปเห็นอะไรทอยๆเข้า ทั้งที่ขาล้าแล้วแต่ก็ไม่อยากพลาดอะไรไป

ผิดหวังเล็กน้อยเพราะพบว่ามันเป็นตุ๊กตา


เป็นตุ๊กตาที่ทำขึ้นจากอาสาสมัครทั่วโลกเพื่อแจกจ่ายให้กับเด็กทั่วโลกในวันปีใหม่ ทั้งในญี่ปุ่น, อเมริกา, จีน, พม่า, กัมพูชา, ลาวันดา, อัฟกานิสถาน ฯลฯ รวม37ประเทศ จัดทำขึ้นตั้งแต่ปี1997โดยแต่ละปีก็จะกำหนดรูปแบบของตุ๊กตาว่าเป็นตัวอะไรเป็นช้างเป็นกวางเป็นแมวบ้าง ส่วนปีนี้เป็นหมีโคอะล่าใจดี



ปิดท้ายด้วยบัตรเข้างานกับโบวชัวร์ที่ได้มาในวันนี้ เขียนไปเขียนมาเริ่มงงว่าจะเขียนเป็นไดอารี่ให้ตัวเองหรือจะเขียนให้เพื่อนอ่าน มันก็เลยออกมามั่วๆอย่างที่เห็น หากไม่สนุกก็ขออภัยไว้นะที่นี่ด้วยครับ